24 มกราคม 2551

ร่มกระดาษสาไม่เลือนลางไปตามกาลเวลา

จากลำไผ่ไหวเอนส่งเสียงเอียดออดยามต้องลมแรงมาเป็นก้านร่ม และโครงร่ม กระดาษสาซื่งทำมาจากเปลือกไม้หุ้มต้น รวมกันเป็นร่มกระดาษสา ที่ซึ่งทอดเงากันแดดฝนมานานนับศตวรรษ ด้วยคุณค่าและเอกลักษณ์อันงดงาม ร่มกระดาษสาบ่อสร้างจึงเป็นมรดกแผ่นดินที่ชาวเชียงใหม่ทุกคนหวงแหนและภาคภูมิใจ การทำร่มกระดาษสาบ่อสร้าง อำเภอสันกำแพง นี้มีกรรมวิธีผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อน ที่สืบทอดกันมาจากความคิดค้นสร้างสรรค์ตามภูมิปัญญาท้องถิ่นอันยาวนาน สืบทอดมีความเป็นมาและวิวัฒนาการจนมาเป็นร่มกระดาษสาที่เราได้เห็นในปัจจุบัน เอกลักษณ์ของร่มกระดาษสานี้ ก็คือกรรมวิธีในการผลิตต้องอาศัยความชำนาญ และฝีมืออย่างสูง อีกทั้งฝีมือในการแต่งแต้มลวดลายอันงดงามเป็นเอกลักษณ์ด้วย

"บ่อสร้างกางจ้อง" คำว่า จ้อง นี้เป็นภาษาเหนือแปลว่าร่ม ซึ่งมีการใช้จนติดปากดังเช่นในเพลงยอดนิยมของ ทอม ดันดีเลยทีเดียว "สาวน้อยกางจ้อง" นี้ก็หมายถึง สาวสวยเชียงใหม่ในชุดผ้าไหมผื้นเมือง กางร่ม ที่ปรากฎกายให้เห็นในขบวนแห่งและงานต่าง ๆ ของเชียงใหม่ รวมทั้งอยู่ในภาพโปสเตอร์ต่าง ๆ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของถิ่นไทยงามไปแล้ว

16 ธันวาคม 2550

ทฤษฎีการป้องกันการเสื่อมโทรมและพังทลายของดินโดยหญ้าแฝก

ทฤษฎีการป้องกันการเสื่อมโทรมและพังทลายของดินโดยหญ้าแฝก พืชจากพระราชดำริ : กำแพงที่มีชีวิตในการอนุรักษ์และคืนธรรมชาติสู่แผ่นดิน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตระหนักถึงสภาพปัญหาการชะล้างพังทลายของดินและการสูญเสียหน้าดิน ที่อุดมสมบูรณ์ จึงทรงศึกษาถึงศักยภาพของ“หญ้าแฝก”ซึ่งเป็นพืชพื้นบ้านของไทยที่มีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยป้องกัน การชะล้างพังทลายของหน้าดินและอนุรักษ์ความชุ่มชื้นใต้ดิน ซึ่งมีวิธีการปลูกแบบง่าย ๆ เกษตรกรสามารถดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องให้การดูแลหลังการปลูกมากนัก ทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วยจึงได้พระราชทานพระราชดำริให้ดำเนินการศึกษาทดลองเกี่ยวกับหญ้าแฝกลักษณะของหญ้าแฝก หญ้าแฝกมีชื่อสามัญเป็นภาษาอังกฤษว่า Vetiver Grass มีด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือ หญ้าแฝกดอน (Vetiveria nemoralis A. Camus) และหญ้าแฝกหอม (Vetiveria zizanioides Nash)เป็นพืชที่มีอายุได้หลายปี ขึ้นเป็นกอแน่น มีใบเป็นรูปขอบขนานแคบปลายสอบแหลม ยาว 35-80 ซม. มีส่วนกว้าง 5-9 มม. หญ้าแฝกจะมีการขยายพันธุ์ที่ได้ผลรวดเร็ว โดยการแตกหน่อ จากลำต้นใต้ดิน ในบางโอกาสสามารถแตกแขนงและรากออกในส่วนของก้านช่อดอกได้ เมื่อหญ้าแฝกโน้มลงดินทำให้มีการเจริญเติบโตเป็นกอหญ้าแฝกใหม่ได้ การใช้ประโยชน์จากหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ


1. การปลูกเป็นแถวตามระดับขวางความลาดชัน เพื่อชะลอความเร็วของน้ำ และดักตะกอนดิน ส่วนน้ำจะไหลซึมลงไปสู่ดินชั้นล่างได้มากขึ้น เป็นการเพิ่ม ความชุ่มชื้นในดิน ส่วนรากหญ้าแฝกจะหยั่งลึกลงไปในดินอาจถึง 3 เมตร ซึ่งสามารถยึดดินป้องกันการพังทลายได้

2. การปลูกเพื่อแก้ปัญหาการพังทลายของดินเป็นร่องน้ำลึก

3. การปลูกในพื้นที่ที่มีความลาดชัน โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคใต้ ให้ปลูกหญ้าแฝกเป็นแนวรั้วบริเวณคันคูขอบเขา หรือริมขั้นบันไดดินด้านนอก โดยควรปลูกเป็นแถวตามแนวขวางความลาดเทในต้นฤดูฝน

4. การปลูกเพื่อการอนุรักษ์ความชุ่มชื้นในดิน โดยปลูกแถวหญ้าแฝกขนานไปกับแถวของไม้ผล ปลูกแบบวงกลมรอบไม้ผล และปลูกแบบครึ่งวงกลมหงายรับน้ำฝน5. การปลูกเพื่อป้องกันการเสียหายของขั้นบันไดดินหรือคันคูรับน้ำรอบเขา

6. การปลูกเพื่อป้องกันตะกอนดินทับถมลงสู่คลองส่งน้ำ ระบายน้ำ อ่างเก็บน้ำในไร่นาตลอดจนปลูกรอบสระ หรือปลูกเป็นแถวขนานไปกับแม่น้ำ ลำคลองเพื่อกรองตะกอนดิน

7. การปลูกเพื่อฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรม

8. การปลูกเพื่อป้องกันการพังทลายของไหล่ถนนที่ลาดชันสูง โดยปลูกหญ้าแฝกเพื่อยึดดินและเบี่ยงเบนทางน้ำไหลบริเวณไหล่ทางและปลูกขวางแนวลาดเทเพื่อป้องกันการพังทลายและเลื่อนไหลของดิน

9. การปลูกในพื้นที่ดินดาน รากหญ้าแฝกสามารถหยั่งลึกลงไปในดินดาน ทำให้ดินแตกร่วนขึ้น และหน้าดินจะมีความชื้นเพิ่มขึ้น

10. การปลูกเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสารพิษในแหล่งน้ำ รากหญ้าแฝกจะเป็นกำแพงกักกั้นดินและสารพิษที่ปะปนมากับน้ำไม่ให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำเบื้องล่างและรากยังมีประสิทธิภาพในการดูดซับธาตุโลหะหนักและสารเคมีบางอย่างได้ดีกว่าพืชชนิดอื่น ประโยชน์เอนกประสงค์อื่น ๆ ของหญ้าแฝก - ปลูกหญ้าแฝกบนคันนา เพื่อให้คันนาคงสภาพอยู่ได้นาน - ปลูกหญ้าแฝกเพื่อใช้ประโยชน์มุงหลังคา ตับหลังคาที่ทำจากหญ้าแฝกสามารถผลิตจำหน่ายได้ ส่วนรากที่มีความหอมนั้นคนไทยรุ่นเก่าเคยนำมาแขวนในตู้เสื้อผ้า ทำให้มีกลิ่นหอมและช่วยไล่แมลงที่จะทำลายเสื้อผ้าได้ - หญ้าแฝกมีสรรพคุณช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการท้องอืดเฟ้อ และแก้ไข้ได้ ส่วนรากสามารถนำมาสกัดทำน้ำมันที่มีประโยชน์และคุณค่าทางการค้าได้ อาทิเช่น ฝรั่งเศสผลิตน้ำหอมจากรากหญ้าแฝก ชื่อ “Vetiver”

11 ธันวาคม 2550

ส่งการบ้านหน่วยการเรียนที่ 4

คำถามท้ายหน่วยการเรียนที่ 4
จงเติมคำลงในช่องว่างต่อไปนี้ให้สมบูรณ์และถูกต้อง
1. คำว่า Communis แปลว่า คล้ายคลึง หรือร่วมกัน
2. การสื่อความหมาย หมายถึง กระบวนการส่งหรือถ่ายทอดความรู้ เนื้อหา สาระ ความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ ค่านิยม ทักษะ ตลอดจนประสบการณ์จากบุคคลฝ่ายหนึ่งที่เรียกว่า “ผู้ส่ง” ไปยังบุคคลอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเรียกว่า “ผู้รับ”
3.

4. สาร หมายถึง เนื้อหา สาระ ความรู้สึก ทัศนคติ ทักษะ ประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวผู้ส่ง หรือแหล่งกำเนิด
5. Elements หมายถึง องค์ประกอบย่อย ๆ พื้นฐานที่จำเป็นต้องมี
ตัวอย่างเช่น สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ หรือสีแดง สีเหลือง เส้น เป็นต้น
6. Structure หมายถึง โครงสร้างที่เกิดจากการนำเอาองค์ประกอบย่อย ๆ มารวมกัน
ตัวอย่างเช่น คำ ประโยค หรือสีสันของรูปร่าง รูปทรง เป็นต้น
7. Content หมายถึง ข้อมูลที่เป็นความรู้สึกนึกคิด ความต้องการของผู้ส่ง ข้อมูลนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร สอดคล้องเหมาะสมกับอะไร จะวางแผนในการเข้ารหัส และจัดส่งอย่างไร แต่ละแนวทางอาจได้ผลที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น เนื้อหาเรื่องที่จะสอน ความรู้สึก ความคิด เป็นต้น
8. Treatment หมายถึง วิธีการเลือก การจัดรหัสและเนื้อหาให้อยู่ในรูปแบบที่จะสามารถถ่ายทอดความต้องการของผู้ส่งไปยังผู้รับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผู้ส่งแต่ละคนจะมีวิธีการหรือเทคนิคเฉพาะตัว บางทีเรียกว่า Style ในการสื่อความหมาย
ตัวอย่างเช่น วิธีการสอน
9. Code หมายถึง กลุ่มสัญลักษณ์ที่ถูกนำมาจัดแทนความรู้สึกนึกคิด ความต้องการ ผู้ส่งสารจำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะใช้รหัสแบบใดจึงจะบรรลุเป้าหมายได้ดีที่สุด
ตัวอย่างเช่น ภาษาพูด ภาษาเขียน ดนตรี ภาพวาด กิริยาท่าทาง เป็นต้น
10. อุปสรรคหรือสิ่งรบกวนภายนอก เช่น เสียงดังรบกวน อากาศร้อน กลิ่นไม่พึงประสงค์ แสงแดด ฝนสาด ฯลฯ
11. อุปสรรคหรือสิ่งรบกวนภายใน เช่น ความเครียด อารมณ์ขุ่นมัว อาการเจ็บป่วย ความวิตกกังวล ฯลฯ
12. Encode หมายถึง การเข้ารหัสหรือแปลความต้องการของตนเป็นสัญลักษณ์หรือสัญญาณต่าง ๆ
13. Decode หมายถึง การถอดรหัสจากสัญลักษณ์หรือสัญญาณต่างๆ เป็นความต้องการ
14. จงอธิบายการสื่อความหมายในการเรียนการสอนมาให้ครบถ้วนและถูกต้อง
กระบวนการเรียนการสอนเป็นกระบวนการสื่อความหมายอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีองค์ประกอบดังนี้





14.1 ครู ในฐานะเป็นผู้ส่งและผู้กำหนดจุดมุ่งหมายของระบบการสอน ครูจึงควรมีพฤติกรมดังนี้
- ต้องมีความเข้าใจในเนื้อหาที่จะสอนเป็นอย่างดี
- มีความสามารถในการสื่อความหมาย เช่น การพูด การเขียน ลีลา ท่าทาง ฯลฯ
- ต้องจัดบรรยากาศในการเรียนให้เอื้อต่อการเรียนรู้
- ต้องวางแผนจัดระบบการถ่ายทอดความรู้ให้เหมาะสมกับเนื้อหาและผู้เรียน
14.2 เนื้อหา, หลักสูตร ตลอดจนทัศนคติ ทักษะ และประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญที่ครูจะถ่ายทอดไปสู่ผู้เรียน ดังนั้นเนื้อหาควรมีลักษณะดังนี้
- เหมาะสมกับเพศและวัยของผู้เรียน
- สอดคล้องกับเทคนิค วิธีสอน หรือสื่อต่าง ๆ
- เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกาลเวลา ควรปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ และควรเรียงลำดับจากเนื้อหาง่ายไปยาก
14.3 สื่อหรือช่องทาง เป็นตัวกลางหรือพาหะที่จะนำเนื้อหาจากครูผู้สอนเข้าไปสู่ภายในของผู้เรียน ลักษณะของสื่อควรเป็นดังนี้
- มีศักยภาพเหมาะสมกับธรรมชาติของเนื้อหา
- สอดคล้องกับธรรมชาติของประสาทสัมผัสแต่ละช่องทาง
- เด่น สะดุดตา ดูง่าย สื่อความหมายได้ดี
14.4 นักเรียนหรือผู้เรียน เป็นเป้าหมายหลักของกระบวนการเรียนการสอนที่จะทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนจึงควรมีลักษณะดังนี้
- มีความสมบูรณ์ทางด้านร่างกาย โดยเฉพาะประสาทสัมผัสทั้ง 5
- มีความพร้อมทางด้านจิตใจ อารมณ์มั่นคงปกติ
- มีทักษะในการสื่อความหมาย
- มีเจตคติต่อครูผู้สอนและเนื้อหาวิชา
15. จงอธิบายถึงความล้มเหลวชองการสื่อความหมายในการเรียนการสอน
กระบวนการเรียนการสอนมักจะประสบความล้มเหลวบ่อยๆ เนื่องจากอุปสรรคหลายประการดังนี้
1. ครูผู้สอนไม่บอกวัตถุประสงค์ในการเรียนให้ผู้เรียนทราบก่อนลงมือสอน ทำให้ผู้เรียนขาดเป้าหมายในการเรียน
2. ครูผู้สอนไม่คำนึงถึงข้อจำกัดและขีดความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน จึงมักใช้วิธีสอนแบบเดียวกันทุกคน
3. ครูผู้สอนไม่สนใจที่จะจัดบรรยากาศ ขจัดอุปสรรคและสร้างความพร้อมให้แก่ผู้เรียนก่อนลงมือสอน
4. ครูผู้สอนบางคนใช้คำยาก ทำให้ผู้เรียนไม่เข้าใจความหมายของคำ และเนื้อหาโดยรวม
5. ครูผู้สอนมักนำเสนอเนื้อหาวกวน สับสน รวดเร็ว ไม่สัมพันธ์ต่อเนื่อง กระโดดไปมา ทำให้เข้าใจยาก
6. ครูผู้สอนไม่สนใจที่จะใช้สื่อการสอนหรือเลือกใช้สื่อการสอนไม่เหมาะกับเนื้อหา และระดับผู้เรียน
ดังนั้น ในกระบวนการเรียนการสอนจึงควรคำนึงถึงอุปสรรคต่าง ๆ และพยายามขจัดให้หมดไป เพื่อให้ผู้เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

20 พฤศจิกายน 2550

นวัตกรรมการจัดการศึกษารูปแบบใหม่ที่ใช้นวัตกรรมด้าน ICT

แหล่งข้อมูลด้าน eBook สำหรับประเทศไทยในปัจจุบันนี้ยังมีน้อยมาก หากพอจะมีอยู่บ้างก็เป็นเอกสาร eBook ประเภท PDF ไฟล์ ซึ่งลักษณะดังกล่าวมิใช่ eBook เสมือน Book ที่แท้จริง เป็นเพียงแค่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเปิดอ่านได้เท่านั้น ด้วยเทคโนโลยีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้าน eBook เราสามารถสร้างเอกสาร PDF เหล่านั้นให้กลายเป็น eBook 3 มิติที่สามารถเปิดอ่านได้เหมือนหนังสือทั่วไป สามารถพลิกหรือเปิดอ่านเอกสารได้ตามต้องการ สามารถเชื่อมโยงเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ สามารถแทรกเสียง ภาพ เพลง และ Multimedia อื่นๆ ได้แล้วแต่จะออกแบบ (Design) ให้เป็นแบบใด มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น คาดว่าเร็วๆ นี้การจัดการศึกษารูปแบบใหม่ที่ใช้นวัตกรรมด้าน ICT คงจะหลีกหนีไม่พ้นคำว่า eBook, eLearning, eNews, ePortfolio, eAlbum และสารพัด electronic อย่างแน่นอน โดยเฉพาะครู-อาจารย์ นักศึกษาผู้คงแก่เรียนและแสวงหา ให้เตรียมรับมือกับนวัตกรรมเหล่านี้กันแต่เนิ่นๆ นะ

08 ตุลาคม 2550

ไอ ที ไร้พรหมแดน 5 ทักษะเพื่อเอาชนะอนาคต


เมล็ดพันธุ์แห่งความรู้ที่เราหว่านเพื่อพัฒนารากแล้ว คือ Core Competency ของตัวเองนับเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกวันนี้เราไม่สามารถใช้ความรู้ ที่เคยร่ำเรียนมาใน "อดีต" มาใช้เพื่อวางแผน "อนาคต" ในศตวรรษที่ทวีปเอเชียกำลังเติบโต เช่นทุกวันนี้เราจึงไม่สามารถใช้ปัจจัยเดิมๆที่เคยสร้างความสำเร็จให้กับตัวเองเช่น แรงงาน ราคาถูกสินค้าต้นทุนต่ำ การส่งออกวัตถุดิบราคาถูก ฯลฯ เพราะโลกที่ผันแปรในทุกวันนี้ทำให้องค์ประกอบแห่งความสำเร็จเปลี่ยนไปสู่การใช้ ภูมิปัญญา นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ตามแนวทางของ Kmowledge Based Economy หรือเศรษฐกิจดิจิทัลระบบการศึกษาจึงต้องปรับตัวแทบจะทุกระดับชั้นตั้งแต่ประถม มัธยม จนถึงอุดมศึกษา โดยเราจะปล่อยให้ครูผู้สอนนำเอาความรู้ที่ตัวเองร่ำเรียนมาในอดีตมาใช้สอนให้ นักเรียนนำไปประกอบอาชีพในอนาคตไม่ได้แต่เราต้องกระตุ้นให้เด็กรุ่นใหม่รู้จักใช้การศึกษา พัฒนาตัวเองตลอดชีพหรือ Lifelong Learning นั่นคือโลกของการเรียนรู้ที่ไม่ได้มีเฉพาะการ เรียนรู้ในระบบแต่ต้องผสมกับการใช่สื่ออื่นๆนอกระบบ ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดเจนในแนวทางการ ปฏิรูปการศึกษาที่รัฐบาลพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นมาโดยตลอด บทบาทของสถาบันการศึกษาในทุกวันนี้จึงอยู่ที่การเร่งผลิตบุคลากรให้ตรงกับความ ต้องการของภาคธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม ตลอดจนภาคสังคมที่แม้จะมีแนวทางแตกต่างกัน แต่มีความต้องการพื้นฐานเหมือนกันคือคุณลักษณะ 5 ประการดังต่อไปนี้คือ
1. Interpersonal Skill ทักษะในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับ การทำงานร่วมกันเป็นทีมในทุกวันนี้เพราะผมเชื่อว่าทุกองค์กรไม่มีใครต้องการคนเก่งเพียงคน เดียวที่ไม่สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้แต่ทุกองค์กรจะแสวงหาคนธรรมดาๆ หลายๆ คน ที่หลอมรวมพลังเป็นทีมงานที่มีความหลากหลายมีความเปิดกว้างทางความคิด ความแตกต่าง ทางภาษา วัฒนธรรม ศาสนา และผลักดันให้องค์กรเติบโตไปสู่เป้าหมายได้
2. Information Skill คือความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารที่นอกเหนือจาก การเสาะหาแหล่งข้อมูลแล้วยังต้องรู้จักแยกแยะวิเคราะห์และส่งต่อข้อมูลสำคัญไปยังผู้ตัดสินใจ ได้อย่างถูกต้องรวดเร็วได้ด้วย
3. Technology Skill คือ ทักษะในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพราะทั้ง 2 ทักษะข้างต้น จะเห็นได้ว่ามีเทคโนโลยีแฝงอยู่ไม่น้อยทั้งในด้านการใช้งานในชีวิตประจำวันและการทำงาน เนื่องจากเทคโนโลยีได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและเพิ่มความสะดวกใน ทุกๆ ด้านรวมถึงทำให้เราพัมนาประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตได้ง่ายยิ่งขึ้น
4. Basic Skill หมายถึงพื้นฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำงานไม่ว่าจะเป็นองค์กรแบบใด ก็ตาม ได้แก่ ทักษะในการพูด ฟัง อ่าน เขียน การคำนวณเบื้องต้นเพื่อให้เราสามารถต่อยอด ทางความคิดได้ง่ายกว่าผู้อื่นซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับยุค Knowledge Based Economy ในทุกวันนี้
5. Logical Thinking Skill หรือการพัฒนาทักษะความคิดในเชิง ตรรกะที่กระตุ้นให้เราใช้สมองทั้งสองชีกคือความคิดวิเคราะห์กับการใช้ควยามจำได้อย่างสมดุล กัน ทำให้เราสามารถคิด กลั่นกรองแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้เร็วและมีประสิทธิภาพกว่าผู้อื่น